ขับรถหวาดเสียว จงใจให้เกิดอุบัติเหตุ ประกันต้องจ่ายค่าเคลมหรือไม่? ไขข้อสงสัยที่คุณต้องรู้!

ขับรถหวาดเสียว จงใจให้เกิดอุบัติเหตุ ประกันต้องจ่ายค่าเคลมหรือไม่? ไขข้อสงสัยที่คุณต้องรู้!

ในโลกของการขับขี่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและบางครั้งก็อาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ หนึ่งในคำถามสำคัญที่หลายคนอาจสงสัยและเข้าใจผิดเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ คือในกรณีที่ผู้ขับขี่มีพฤติกรรม "ขับรถหวาดเสียว" หรือร้ายแรงกว่านั้นคือ "จงใจให้เกิดอุบัติเหตุ" บริษัทประกันภัยยังคงต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเคลมให้หรือไม่? วันนี้เราจะมาหาคำตอบที่ชัดเจนในประเด็นนี้กันครับ

ความคุ้มครองพื้นฐานของประกันภัยรถยนต์

โดยทั่วไปแล้ว กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1, 2+, 3+, หรือชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ อันเกิดจากความประมาทหรือความไม่ตั้งใจ ของผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักของการประกันภัยที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

ขับรถหวาดเสียว (ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง) ประกันจ่ายไหม?

คำว่า "ขับรถหวาดเสียว" อาจตีความได้หลากหลาย แต่ในทางปฏิบัติ กรมธรรม์ประกันภัยส่วนใหญ่ยังคงให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจาก "ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง" ของผู้ขับขี่ เช่น:

  • ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมาก: จนเป็นเหตุให้ควบคุมรถไม่ได้

  • ขับรถประมาท: เช่น การเปลี่ยนเลนกะทันหัน การขับจี้ท้ายมากเกินไป

  • เมาแล้วขับ: แม้จะผิดกฎหมายและเป็นพฤติกรรมที่ยอมรับไม่ได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ประกันภาคสมัครใจยังคงคุ้มครองความเสียหายของคู่กรณี (บุคคลภายนอก) อยู่ เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณี ส่วนความเสียหายต่อรถผู้เอาประกันภัยนั้น บริษัทประกันอาจมีการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกจากผู้เอาประกันภัย หรืออาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองเลย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์และระดับแอลกอฮอล์ในเลือด

  • ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่: หากเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันอาจจะจ่ายค่าเสียหายให้คู่กรณี แต่มีสิทธิ์เรียกเก็บเงินคืนจากผู้เอาประกันภัยได้เต็มจำนวน

อย่างไรก็ตาม แม้ประกันจะคุ้มครองในกรณีประมาทเลินเล่อ แต่บริษัทประกันภัยก็มีสิทธิ์เรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) จากผู้ขับขี่ในกรณีที่ความเสียหายเกิดจากการกระทำที่ประมาทอย่างร้ายแรงหรือไม่สามารถระบุคู่กรณีได้

จงใจให้เกิดอุบัติเหตุ (เจตนา) ประกันจ่ายหรือไม่?

นี่คือประเด็นสำคัญที่สุด! หากพิสูจน์ได้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการ "จงใจ" หรือ "เจตนา" ของผู้ขับขี่ เพื่อให้เกิดความเสียหาย บริษัทประกันภัยจะ "ไม่จ่าย" ค่าสินไหมทดแทนให้ทุกกรณี!

ตามหลักการประกันภัยแล้ว กรมธรรม์ประกันภัยออกแบบมาเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและไม่ได้เกิดจากเจตนา ดังนั้น หากผู้เอาประกันภัยกระทำการโดยเจตนาให้เกิดวินาศภัยขึ้น บริษัทประกันภัยมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ทันที ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น:

  • ขับรถพุ่งชนโดยเจตนา: เช่น ตั้งใจขับรถชนเพื่อหวังเงินประกัน

  • ขับรถชนเพื่อต้องการทำร้ายร่างกายหรือทรัพย์สินผู้อื่น: อันเป็นเจตนาอาชญากรรม

ทำไมถึงไม่จ่าย?

  • ขัดต่อหลักการประกันภัย: ประกันภัยคุ้มครองความเสี่ยง ไม่ใช่ความจงใจ

  • ป้องกันการทุจริต: หากยอมจ่ายค่าเคลมในกรณีจงใจ จะเปิดช่องให้เกิดการทุจริตประกันภัยได้ง่าย

สรุปและข้อควรระวัง

การทำประกันภัยรถยนต์คือการสร้างหลักประกันความเสี่ยงจากการใช้รถใช้ถนน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการขับขี่ด้วยความไม่ประมาท มีสติ และเคารพกฎจราจรเสมอ

  • หากเกิดอุบัติเหตุจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง: โดยส่วนใหญ่ประกันยังคุ้มครอง แต่คุณอาจต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) และอาจถูกเรียกคืนในบางกรณี เช่น เมาแล้วขับ

  • หากเกิดอุบัติเหตุจากการจงใจหรือเจตนา: บริษัทประกันภัยจะปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยสิ้นเชิง และคุณอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดด้วยตัวเอง รวมถึงอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญาอีกด้วย

ดังนั้น จงขับขี่ด้วยความระมัดระวัง มีวินัย และไม่ประมาท เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ทรัพย์สิน และเพื่อนร่วมทางทุกคนครับ!